สำหรับสิ่งที่หม้อแปลงกล้องวงจรปิดต้องมีนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตัวหม้อแปลงไฟนั้นเป็นด่านแรกในการช่วยป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขอการที่ไฟกระชาก ไฟตก ฟ้าผ่า ฯลฯ และถ้ายิ่งตัวหม้อแปลงไม่ดีแล้วล่ะก็จะทำให้ ตัวกล้องไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเรามาดูกันดีกว่าว่ะจะเลือกตัวหม้อแปลงแบบไหนที่จะทำให้เหมาะกับการป้องกันที่ดี
ตัวหม้อแปลงกล้องวงจรปิดต้องจ่ายไฟคงที่เสมอ
อย่างแรกเลยตัวหม้อแปลงจำเป็นที่จะต้องสามารถควบคุมไฟ ให้อยู่ในอัตราคงที่ไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป จะมีตัวหม้อแปลงบางรุ่นที่จ่ายไฟแบบสวิงขึ้นลงแล้วแต่ว่าความร้อนสะสมของตัวหม้อแปลง ซึ่งถ้าหม้อแปลงจ่ายไฟสวิงขึ้นลงแล้วล่ะก็จะทำให้ตัวกล้องทำงานได้ไม่ดีและจะมีอัตราในการเสียค่อนข้างที่จะเร็ว
หม้อแปลงกล้องต้องเป็นระบบสวิทชิ่ง
หม้อแปลงชนิดนี้จะระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี แล้วรู้ได้อย่างไรว่าหม้อแปลงชนิดนี้เป็นอย่างไรนะหรอ ก็ตัวหม้อแปลงจะมีความเบามากพอแกะออกมาก็จะเห็นไอซีแทนไม่ใช่ขดลวดเหมือนแต่ก่อนซึ่งพอเป็นไอซีแน่นอนล่ะ ความร้อนสะสมก็จะน้อยกว่า
หม้อแปลงต้องมีการป้องกันที่ดีพอ
สำหรับหม้อแปลงกล้องวงจรปิดที่ใช้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีฟิวล์ไว้ค่อยตัดไฟเมื่อมีไฟกระชาก ไฟลัดวงจรซึ่งอันนี้เป็นส่วนสำคัญมาก เพราะกระแสไฟในเมืองไทยเรานั้นจะไม่ค่อยคงที่สักเท่าไหร่ทำให้ตัวอุปกรณ์เสียบ่อยมาก
กำลังไฟของตัวหม้อแปลง
กำลังไฟของหม้อแปลงต้องมีกำลังตามที่ตัวกล้องต้องการ สิ่งที่สามารถระบุได้ว่าตัว หม้อแปลงมีกำลังไฟเท่าไหร่ก็ต้องดูที่สติกเกอร์ ที่แปะไว้แต่ถ้าให้ทางเราแนะนำให้ใช้หม้อแปลงที่มีกำลังไฟ 1.5 แอมป์ขึ้นไปเพราะตัวกล้องจะกินกระแสไฟมากขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ถ้าเกิดกระแสไฟไม่พอจะทำให้ภาพกล้องออกมานั้นจะมีเส้นแนวนอนวิ่งไปมากและแสงอินฟาเรดจะไม่สว่าง
หม้อแปลงที่ใช้ต้องเป็น + ใน – นอก
คงจะสงสัยกันล่ะสิว่าบวกในลบนอกคืออะไร ให้สังเกตที่หัวหม้อแปลงจะมีแกนกลาง กับรอบนอกเราดูที่อันนั้นเป็นหลัก โดยสามารถดูว่าบอกในลบนอกจริงหรือเปล่าให้ดูที่สติกเกอร์ที่ติดไว้ที่ตัวหม้อแปลงไฟเพราะถ้าเกิดการสลับขั้วกันจะทำมีปัญหากล้องวงจรปิดเสียเกิดขึ้น